วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

google site ??

google site คือเครื่องมือๆ หนึ่ง ของ google แต่ที่เรานิยมใช้กัน มักจะมีเพียงแค่ 2 ตัวเท่านั้น คือ เว็บสำหรับสืบค้นข้อมูล และ gmail แต่ถ้าหากเราเสียเวลาเหลือบมองไปด้านบนสักนิด(หากท่านเข้าเว็บ google ที่ใช้สำหรับสืบค้นข้อมูล ท่านจะเห็นอะไรมากมายที่ท่านไม่เคยแตะมันเลย ที่ผมแนะนำให้ท่านลองไปศึกษาและใช้เอง คือ เอกสาร ครับ ลองคลิ๊กเข้าไปดู ท่านชอบแน่นอน(สำหรับผู้ที่มีความเร็วของอินเตอร์เนตพอใช้ได้) แต่ google site อยู่ตรงไหนล่ะครับ ที่เพิ่มเติมไงครับ โดยเลือกที่ ไซต์ (site) แล้วระบบจะนำท่านไปสู่ความสนุกและประโยชน์มหาศาลครับ
          google site คือเว็บบล็อกฟรี ของgoogle นั่นเองมีความสามารถหลากหลาย ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบ และวัตถุประสงค์ของการทำเว็บ ของแต่ละคน หากเข้าใจมันแล้ว ท่านจะชอบมัน และก็ไม่ยากที่ท่านจะเข้าใจมัน ขอเพียงแต่ท่าน คีย์ข้อมูลเป็น และสนใจ เท่านี้ท่านก็สามารถมีเว็บบล็อกดีๆตัวหนึ่งได้อย่างฟรี และที่สำคัญ ท่านสามารถเชิญชวนเพื่อนของท่านให้มาช่วยกันสร้างเว็บบล็อกตัวนี้ร่วมกัน 
 
Cr.https://sites.google.com/site/phxthaennng/khumux-kar-chi-ngan/googlesitekhuxxari

Google Scholar ??

สำหรับ Google Scholar เป็นบริการที่มีมานานแล้ว ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2547 โดยออกเป็น beta version และทุกวันนี้ก็ยังคงเป็น beta อยู่ และอาจเพราะเป็นบริการที่ออกมานานแล้วเลยทำให้เป็นบริการที่ไม่เป็นที่รู้จักของหลายๆ  คน
Google Scholar เป็นวิธีการค้นหาที่ง่าย ๆ ในการค้นหางานเขียนทางวิชาการได้อย่างกว้างขวาง คุณสามารถค้นหาในสาขาวิชาและแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ได้มากมายได้จากจุดเดียว : ไม่ว่าจะเป็นบทความ peer-reviewed วิทยานิพนธ์ หนังสือ บทคัดย่อ และบทความจากสำนักพิมพ์ทางวิชาการ แวดวงวิชาชีพ ที่เก็บร่างบทความ มหาวิทยาลัย และองค์กรด้านการศึกษาอื่น ๆ
Google Scholar ช่วยให้คุณสามารถระบุการค้นคว้าที่เกี่ยวข้องมากที่สุดในโลกแห่งการค้นคว้าวิจัยทางวิชาการ
คุณลักษณะของ Google Scholar มีดังนี้คือ
  • ค้นหา แหล่งข้อมูลที่หลากหลายจากจุดที่สะดวกจุดเดียว
  • ค้นหา บทความ บทคัดย่อ และการอ้างอิง
  • ค้นหาตำแหน่ง ของบทความฉบับสมบูรณ์จากทั่วทั้งห้องสมุดของคุณหรือบนเว็บ
  • เรียนรู้ เกี่ยวกับบทความสำคัญในการค้นคว้าวิจัยสาขาใดๆ
 บทความมีการจัดอันดับอย่างไร
Google Scholar มุ่งมั่นที่จะจำแนกบทความแบบนักวิจัย โดยวัดน้ำหนักจากข้อความทั้งหมดของแต่ละบทความ ผู้เขียน สิ่งตีพิมพ์ที่บทความนั้นปรากฏ และความถี่ที่มีการอ้างอิงบทความนั้นในงานเขียนทางวิชาการอื่น ผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องมากที่สุดจะปรากฏบนหน้าแรกเสมอ

Cr.http://libkm.kku.ac.th/kmlib/?p=1173

Google Translate ??

Google Translate

จากที่ Google เปิดตัว Google Translate มาสักพักขณะนี้ Google พร้อมที่จะเปิดตัว Google Translate ที่รองรับภาษาไทยแล้ว! ได้ใช้งานในเดือนธันวาคมนี้แน่นนอน แต่.. บางท่านอาจจะยังไม่รู้จักว่า Google Translate คืออะไร เรามาทำความรู้จักก่อนดีกว่าครับ
Google Translate คือ(หมายถึง) โปรแกรมแปลภาษาโดยอ้างอิงสถิติในการแปล (ซึ่งสามารถแปลได้แบบข้อความและทั้งเว็บ) โดยปกติแล้วโปรแกรมส่วนใหญ่จะใช้แนวทางอ้างอิงกฎ และต้องใช้การนิยามคำศัพท์และไวยากรณ์จำนวนมากในการแปล แต่ทีมงาน Google ได้ทำการเพิ่มข้อมูลจำนวนมากให้กับโปรแกรมทั้งภาษาเดียวกันและภาษาปลายทาง และเพิ่มข้อความตัวอย่างการแปลที่แปลโดยมนุษย์ ซึ่งทางทีมงาน Google ได้ใช้เทคนิคเชิงสถิติ ให้โปรแกรมอ้างอิงหลักการ กลุ่มคำ ที่มนุษย์ได้ทำการแปลไว้ โดยทีมงาน Google ได้แจ้งไว้ว่าได้ผลลัพท์ที่ดีกว่าวิธีเดิม
ทั้งนี้หากต้องการแปลแบบพจนานุกรมก็สามารถทำได้ โดยเลือกที่ Dictionary แต่ขณะนี้รองรับเพียง 7 ภาษาคือ ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี เกาหลี รัสเซีย และสเปน เท่านั้น
ปัจจุบัน Google Translate ได้รองรับภาษาถึง 22 ภาษาทั่วโลก คือภาษา ภาษาอาหรับ , ภาษาบัลกาเรีย , ภาษาจีน , ภาษาโครเอเชีย , ภาษาเช็ก , ภาษาเดนมาร์ก , ภาษาดัตช์ , ภาษาฟินแลนด์ , ภาษาฝรั่งเศส , ภาษาเยอรมัน , ภาษากรีก , ภาษาฮินดู , ภาษาอิตาลี , ภาษาเกาหลี , ภาษาญี่ปุ่น , ภาษานอร์เวย์ , ภาษาโปแลนด์ , ภาษาโรมาเนีย , ภาษารัสเซีย , ภาษาสเปน , ภาษาสวีเดน , ภาษาโปรตุเกส และกำลังจะรองรับภาษาไทยในเดือนธันวาคมนี้แน่นอน
สำหรับการใช้งานนั้นสามารถเข้าใช้งานได้ที่ http://translate.google.com/ หรือ Webmaster ท่านใดต้องการนำ Code นี้ไปใช้งานสามารถใส่เมตาแท็กต่อไปนี้ในไฟล์ HTML ของคุณได้
<meta name=”google” value=”notranslate”>
หรือเข้าไปที่ http://translate.google.com/translate_tools?hl=en จากนั้นเลือกภาษาต้นทาง
 
Cr.http://www.sutenm.com/tag/google-translate-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD/

Google ??

เว็บไซต์ Google (www.Google.com) เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการในการค้นหาข้อมูลในโลกของอินเตอร์เน็ต โดยค้นหาข้อมูลจากข้อความ หรือตัวอักษรที่พิมพ์เข้าไป แล้วทำการค้นหาข้อมูล รูปภาพ หรือเว็บเพจที่เกี่ยวข้องนำมาแสดงผล เว็บไซต์ Google ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ต้องการค้นหาข้อมูล
       เว็บไซต์ Google แบ่งหมวดหมู่ของการค้นหาออกเป็น 4 หมวดหมู่ด้วยกัน ดังนี้คือ
 
เว็บ (Web) เป็นการค้นหาข้อมูลในรูปแบบของเว็บไซต์ต่าง ๆ ทั่วโลก โดยการแสดงผลจะแสดงเว็บไซต์ที่มีคำที่เป็น Keyword อยู่ภายเว็บไซต์นั้น
รูปภาพ (Images) เป็นการค้นหารูปภาพจากการแปลคำ Keyword
กลุ่มข่าว (News) เป็นการค้นหาข้อมูลที่เป็นเนื้อหาที่อยู่ในข่าว ซึ่งมีการระบุชื่อผู้เขียนข่าว, หัวข้อข่าว, วันที่และเวลาที่โพสต์ข่าว
สารบบเว็บ (Web Directory) Google มีการจัดประเภทของเว็บไซต์ออกเป็นหมวดหมู่ ซึ่งเราสามารถค้นหาเว็บในเรื่องที่ต้องการตามหมวดหมู่ที่มีอยู่แล้วได้เลย
 
วิธีการใช้งาน Google ค้นหาข้อมูลแบบติดจรวด
        การค้นหาโดยทั่วไปส่วนใหญ่แล้วจะใช้คำ Keyword เป็นเครื่องมือในการนำทางการค้นหาอย่างเดียว แต่ถ้าเรารู้จักใช้เครื่องหมายบางตัวร่วมด้วย ก็จะทำให้ขอบเขตการค้นหาของ Google แคบลง ทำให้เราได้ข้อมูลที่ตรงกับความต้องการมากขึ้น เครื่องหมายที่สามารถนำมาช่วยในการค้นหาได้ มีดังนี้
        การค้นหาด้วยเครื่องหมายบวก (+) เหมาะสำหรับการค้นหาคำ Keyword ที่มีลักษณะเป็นตัวเชื่อม เพราะโดยหลักการทำงานของ Google แล้ว Google จะไม่ค้นหาคำประเภทตัวเชื่อม เช่น at, with, on, what, when, where, how, the, to, of ถึงแม้ว่าเราจะมีการระบุเหล่านี้ลงใน Keyword ด้วยก็ตาม
        ดังนั้นถ้าเราต้องการให้ Google ทำการค้นหาคำเหล่านี้ด้วย เนื่องจากเป็นคำสำคัญของประโยคที่เราต้องการ สามารถใช้เครื่องหมาย + ช่วยได้ โดยมีเงื่อนไข ว่า ก่อนหน้าเครื่องหมาย + ต้องมีการเว้นวรรค 1 เคาะด้วย เช่น ถ้าต้องการค้นหาเว็บไซต์เกี่ยวกับเกมส์ที่มีชื่อว่า Age of Empire ถ้าเราพิมพ์ Keyword ...Age of Empire… Google จะทำการค้นหาแยกคำโดยไม่สนใจ of คืออาจจะค้นหา Age หรือ Empire แค่ตัวเดียว แต่ถ้าเราระบุว่า Age +of Empire Google จะทำการค้นหาทั้งคำว่า Age, of และ Empire เป็นต้น
 
 

 
        การค้นหาด้วยเครื่องหมายลบ ( - ) จะช่วยให้เราสามารถตัดเรื่องที่เราไม่ต้องการ หรือไม่เกี่ยวข้องออกไปได้ เช่น ถ้าเราต้องการค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการล่องแก่ง แต่ไม่ต้องการ การล่องแก่งที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดตาก ให้เราพิมพ์ Keyword ว่า ล่องแก่ง -ตาก (เช่นเดียวกับเครื่องหมาย + ต้องเว้นวรรคก่อนหน้าเครื่องหมายด้วย) Google จะทำการค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการล่องแก่ง แต่ไม่มีจังหวัดตากเข้ามาเกี่ยวข้อง
 

 

 
        การค้นหาด้วยเครื่องหมายคำพูด ("...") เหมาะสำหรับการค้นหาคำ Keyword ที่มีลักษณะเป็นประโยควลี ที่เราต้องการให้มันแสดงผลทุกคำในประโยค โดยไม่แยกคำ เช่น ถ้าเราต้องการหาเว็บไซต์เกี่ยวกับเพลงที่มีชื่อว่า If I Let You Go ให้พิมพ์ว่า "If I Let You Go" Google จะทำการค้นหาประโยค "If I Let You Go" ทั้งประโยคโดยไม่แยกคำค้นหา
 

 


        การค้นหาด้วยคำว่า OR เป็นการสั่งให้ Google ค้นหาข้อมูลเพิ่มมากขึ้น เช่น ถ้าเราต้องการค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการล่องแก่ง ทั้งในจังหวัดตาก และปราจีนบุรี ให้เราพิมพ์ Keyword ว่า ล่องแก่ง ตาก OR ปราจีนบุรี Google จะทำการค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการล่องแก่งทั้งในจังหวัดตาก และกาญจนบุร
 
Cr.http://www.dld.go.th/ict/article/general/gen09.html
 

Googel Documents คืออะไร

Googel Documents คืออะไร
                         Google Documents หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า Google Docs เป็นบริการออนไลน์ที่ให้เราสามารถจัดการเอกสารได้แบบไม่ต้องเสียเงิน เพียงแค่เรามีอีเมลของ Gmail และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณเลยก็ตาม เพราะ Google Docs เตรียมมาให้คุณหมดแล้วไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์รายงานแบบที่คุ้นเคย การทำสไลด์เพื่อพรีเซนต์งานสำคัญ หรือจะจัดการเอกสารแบบ Spreadsheets ได้เหมือน Excel ก็สามารถทำได้
                         Googel Docs ทำงานเหมือน Microsoft Office แต่ทุกอย่างจะทำงานอยู่บนเว็บ สามารถทำงานได้ทันทีที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยไม่ต้องเสียเวลาติดตั้งโปรแกรมลงในเครื่อง หรือเสียเงินค่าลิขสิทธิ์ก่อนใช้งานแต่อย่างใด เพียงแค่เข้าไปยัง Google Docs คุณก็สามารถสร้าง แก้ไข หรือเปิดอ่านเอกสารได้เลย โดยตัวเอกสารนั้นจะถูกเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของ Google และที่สำคัญคุณสามารถแชร์เอกสารให้กับเพื่อนเพื่อแก้ไขข้อมูลไปพร้อมๆ กัน โดยจะเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังพิมพ์อะไรอยู่
                         สำหรับจุดเริ่มต้นของ Google Docs กำเนิดมาจากโปรแกรม Google Spreadsheets ที่สามารถทำงานเหมือนกับตาราง Excel ได้เพียงอย่างเดียว แต่ในขณะนั้นก็มีโปรแกรมสำหรับแก้ไขเอกสารออนไลน์ที่มีชื่อว่า Writely ซึ่งเป็นที่นิยมพอสมควรของ Upstartle จนต้นปี พ.ศ.2549 Google ได้เข้ามาซื้อกิจการของ Upstartle ทำให้ Google ได้สิทธิ์ครอบครอง Writely ได้ด้วยปัจุบัน Writely ถูกพัฒนามาเป็น Google Docs ซึ่งสามารถทำงานเข้าชุดกันกับ Google Spreadsheets ได้เป็นอย่างดี

                    ต้องเตรียมอะไรบ้าง 
                         ก่อนที่จะเริ่มต้นใช้งาน Google Docs เรามาเตรียมความพร้อมของเครื่องคอมพิวเตอร์เสียก่อน ซึ่งไม่ยุ่งยากแต่อย่างใด คุณสมบัติของเครื่องคุณที่มีอยู่ตอนนี้อาจจะสามารถใช้งาน Google Docs ได้เลยก็ได้ โดยสิ่งที่จำเป็นบนเครื่องของคุณที่จะต้องมีเพื่อรองรับการใช้งาน Google Docs ก็มีดังนี้
                        1. ระบบปฏิบัติการ (Operation System-OS) : สามารถใช้งานบนระบบปฏิบัติการแทบจะทุกชนิด Windows,Mac OS X, GNU/Linux ฯลฯ
                         2. โปรแกรมเปิดเว็บไซต์ (Web Browser) : สามารถใช้งานร่วมกับทุก Web Browser เช่น Internet Explores (IE), Mozilla Firefox, Safari หรือ Opera
                         3. อินเทอร์เน็ต (Internet) : ติดตั้งอินเทอร์เน็ตเพื่อเชื่อมต่อการใช้งานผ่านระบบออนไลน์ซึ่งอินเทอร์เน็ตควรจะแบบ ADSL หรืออินเทอร์เน็ตควรจะเป็นแบบ ADSL หรืออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อช่วยให้การเชื่อมต่อไม่สะดุดและล่าช้าจนเกินไป ซึ่งความเร็วอินเทอร์เน็ตควรอยู่ที่ระดับ 1 Mbps ขึ้นไป ซึ่งเป็นความเร็วมาตรฐานโดยทั่วๆ ไป ณ ตอนนี้ที่บ้านเราได้รับ

                  ใช้ทำอะไรได้บ้าง
                         ความสามารถของ Google Docs มีอย่างล้นเหลือ เรียกได้ว่าตอบสนองคนที่ต้องการใช้งานเอกสารได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเราจะมาทำความรู้จักกันอย่างละเอียดก่อนว่า Google Docs ใช้ทำอะไรได้บ้าง
                     1. สร้างเอกสาร สเปรดชีท และงานนำเสนอแบบออนไลน์
                         สร้างเอกสารพื้นฐานแบบเริ่มต้นจากศูนย์ สามารถทำงานพื้นฐานทุกประเภทได้อย่างง่ายดาย รวมถึงการทำรายการสัญลักษณ์แสดงหัวข้อย่อย การเรียงลำดับตามคอลัมน์ การเพิ่มตาราง รูปภาพ ข้อคิดเห็น สูตร การเปลี่ยนแปลงแบบอักษร และอื่นๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
                         อัพโหลดไฟล์ของคุณที่มีอยู่แล้ว รองรับรูปแบบไฟล์ที่นิยมใช้กันส่วนใหญ่ ได้แก่ DOC, XLS, ODT, ODS, RTF, CSV และ PPT เป็นต้น คุณจึงสามารถทำงานต่อไปพร้อมกับอัพโหลดไฟล์ของคุณที่มีอยู่ได้ด้วย
                         ใช้งานบนแถบเครื่องมือได้อย่างคุ้นเคยทำให้การแก้ไขเป็นเรื่องง่ายๆ เลือกตัวหนาขีดเส้นใต้ เพิ่มสัญลักษณ์ในข้อย่อย เปลี่ยนแบบอักษร หรือรูปแบบตัวเลข เปลี่ยนสีพื้นหลังของเซลล์ และอื่นๆ เพียงคลิกปุ่มบนแถบเครื่องมือที่คุณคุ้นเคย
                    2. ใช้งานและทำงานร่วมกันในแบบเรียลไทม์
                         เลือกคนที่คุณต้องการให้เข้าถึงเอกสารของคุณได้ เพียงป้อนที่อยู่อีเมลของคนที่คุณต้องการให้ใช้งานเอกสารที่ระบุร่วมกัน แล้วส่งคำเชิญไปให้เขาเหล่านั้น ก็สามารถใช้งานเอกสารร่วมกันได้
                         ใช้งานร่วมกันได้ทันที ทุกคนที่คุณเชิญให้เข้ามาแก้ไขหรือดูเอกสาร สเปรดชีท หรือ งานนำเสนอของคุณ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทันทีที่เข้าสู่ระบบ
                         แก้ไขและนำเสนอร่วมกับบุคคลอื่นในแบบเรียลไทม์ สามารถดูและแก้ไขร่วมกันได้หลายคนในเวลาเดียวกัน มีหน้าต่างสนทนาบนหน้าจอสำหรับการแก้ไขเอกสารและสเปรดชีท เพื่อแสดงให้คุณเห็นว่าใครแก้ไขอะไรและเมื่อใด และแล้วการดูงานนำเสนอพร้อมกันไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เนื่องจากใครก็ตามที่เข้ามาร่วมในงานนำเสนอ ต่างก็สามารถติดตามงานนำเสนอนั้นได้โดยอัตโนมัติ
                   3. จัดเก็บและจัดระเบียบงานอย่างปลอดภัย
                         แก้ไขและเข้าถึงจากที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องดาวน์โหลดสิ่งใด คุณสามารถเข้าถึงเอกสารสเปรดชีท และงานนำเสนอของคุณได้จากคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และมีเบราวด์เซอร์มาตรฐานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
                        จัดเก็บงานของคุณได้อย่างปลอดภัย อุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบออนไลน์ และการบันทึกอัตโนมัติ ช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องฮาร์ดไดรว์เสียหรือไฟดับเพราะข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ของ Google
                         บันทึกและส่งออกสำเนาได้อย่างง่ายดาย สามารถบันทึกเอกสาร และสเปรดชีทของคุณไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณในรูปแบบ DOC, XLS, CSV, ODS, ODT, PDF, RTF และ HTML ได้
                         การจัดระเบียบเอกสารของคุณ ค้นหาเอกสารของคุณได้อย่างง่ายดาวยด้วยการจัดระเบียบเอกสารในโฟลเดอร์ต่างๆ และสามารถลากและวางเอกสารต่างๆ ของคุณลงในหลายโฟลเดอร์ได้ตามที่คุณต้องการ
                    4. ควบคุมว่าใครสามารถดูเอกสารของคุณได้
                         เผยแพร่งานของคุณเป็นหน้าเว็บ คุณสามารถเผยแพร่เอกสารของคุณแบบออนไลน์ได้โดยการคลิกเพียงครั้งเดียว ก็สามารถเผยแพร่ผลงานชิ้นสำคัญของคุณให้เป็นหน้าเว็บได้อย่างง่าย
                         ควบคุมว่าจะให้ใครเห็นหน้าเว็บของคุณได้บ้าง สามารถเผยแพร่ข้อมูลได้ทั่วโลกหรือจำกัดเอกสารให้เห็นได้ในกลุ่มเพียงแค่สองสามคน หรือจะสั่งไม่ให้ใครเห็นเอกสารนั้นเลยก็ได้ ซึ่งก็แล้วแต่คุณจะกำหนด นอกจากนี้ยังสามารถหยุดการเผยแพร่ข้อมูลได้ตลอดเวลา
                         โพสต์เอกสารขึ้นบล็อกของคุณ เมื่อคุณสร้างเอกสารเสร็จ คุณสามารถโพสต์เอกสารลงบล็อกของคุณได้ทันที
                         เผยแพร่ภายในบริษัทหรือกลุ่มของคุณ เมื่อใช้ Google Apps จะช่วยให้ใช้งานเอกสาร สเปรดชีท และงานนำเสนอที่สำคัญร่วมกันภายในบริษัทหรือกลุ่มของคุณได้ง่ายขึ้น


Cr.http://www.crnfe.ac.th/google%20docs/chapter1.html

Google Adwords ??

Google Adwords คือการลงโฆษณาโดยใช้คีย์เวิร์ดหรือคำค้นหาที่ตรงจุดกลุ่มเป้าหมายในเว็บไซต์ ของกูเกิล โฆษณาจะปรากกฎในด้านขวามือ Googleเป็นเว็บไซต์ค้นหาเบอร์หนึ่งของโลก ( Search Engine  ) ผู้คนทั้งโลกนิยมการค้นหาสินค้าและบริการตลอดจนข้อมูลต่างๆจากอินเทอร์เนต  กูเกิลจะเป็นตัวนำพาไปพบหรือเชื่อมโยงกับเว็บไซต์หรือสินค้าที่ต้องการค้นหา ประเภทค้นหาได้ สากกระเบือยันเรือรบ ( เรื่องจริง ) เช่นเราต้องการหาคำว่า " ดอกไม้ " ก็คีย์คำว่าดอกไม้ลงในช่องการค้นหา ถ้ามีผู้ลงข้อมูลคำว่าดอกไม้ไว้ จะสามารถค้นหาได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลา และนับวันที่ผู้คนทั่วโลกที่เข้าไปในระบบออนไลน์จะค้นหาข้อมูลใดๆต้องไปที่ เว็บไซต์ของกูเกิ้ล เว็บไซต์ค้นหายอดนิยม  รองลงมาจะเป็น Yahoo.com , MSN.com , ฯลฯ ดังนั้นจะเห็นว่าในแต่ละวันมีผู้คนที่เข้าไปค้นหาข้อมูลจากทั่วทุกมุมโลก เป็นจำนวนหลายล้านคน
       Google  Adwords จะวางตำแหน่งโฆษณาไว้ด้านขวามือของเว็บไซต์ การจะโฆษณาให้ตรงจุด ตรงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ต้องใช้เทคนิควิเคราะห์คำค้นหาหรือคีย์เวิร์ดที่คาดว่าลูกค้าส่วนมากนิยมใช้ ค้นหากัน  เราจะช่วยท่านวิเคราะห์คีย์เวิร์ดเหล่านี้ พร้อมแนะนำเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องในการทำโฆษณาให้เวิร์ค  ตรงตัวลูกค้าด้วยงบประมาณตามที่ท่านต้องการและกำหนดได้โดยอิสระ สามารถหยุดโฆษณาได้ทุกเมื่อ หรือจะให้โฆษณาขึ้นเมื่อใดก็ได้
    ข้อดีและข้อเด่นของการทำโฆษณาใน  Google  Adwords ทำได้ง่ายและรวดเร็ว จำกัดงบประมาณรายวันได้ จะหยุดช่วงใดก็ได้ จะให้โฆษณาขึ้นที่ประเทศใดๆก็ได้  แต่การจะได้ผลหรือไม่ขึ้นอยู่กับผู้บริหารแคมเปญโฆษณานั้นๆ ว่าใช้คีย์เวิร์ดตรงกลุ่มเป้าหมาย  สร้างแคมเปญถูกต้องหรือไม่  ซึ่งจะมีเทคนิคการบริหารจัดการ พูดง่ายๆก็คือทำอย่างไรจึงจะตาม Google ให้ทัน  เพราะถ้าทำไม่ถูกจุดก็เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์  แต่ถ้ารู้จุดและเทคนิคของการที่จะเล่นกับมันก็จะจ่ายน้อยกว่า  ตรงๆคือโฆษณาแบบมั่วๆไม่ได้ ต้องทันกับการปรับเปลี่ยนของกูเกิ้ล  เราช่วยท่านบริหารการโฆษณานี้ได้  ใช้ต้นทุนต่ำที่สุด  แต่ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด  แต่ในดีก็มีเสียเช่นกัน ข้อจำกัดหรือข้อเสียของ Google Adwords คือเป็นบริการที่ต้องเสียเงินและต้องประมูลแข่งขันกับเจ้าอื่นๆที่ใช้คีย์ เวิร์ดเช่นกับเรา ถ้าเงินประมูลไม่ถึงหรือมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โฆษณาของเราก็จะไม่ปรากฎ เราต้องเข้าไปแก้ไขเพิ่มเงินหรับปรับปรุงแคมเปญใหม่ ในบางคีย์เวิร์ดการประมูลอาจจะมีราคาสูง ยิ่งคีย์เวิร์ดใดมีการแข่งขันกันสูงราคาประมูลก็ยิ่งสูงตาม การเขียนคำโฆษณาแคมเปญต้องถูกต้องตามที่ Google กำหนด ถ้าทำข้อความโฆษณาผิดก็จะถูกแบนโฆษณา  ในเมืองไทยจะนิยมดูข้อมูลจากทางด้านซ้ายมือของหน้าGoogle ส่วนด้านขวามือไม่ค่อยนิยมเท่าใดนัก ที่นิยมก็คือคลิกเล่นๆเพื่อให้เจ้าของเว็บไซต์เสียเงินฟรีๆ ซึ่งไม่เหมือนในต่างประเทศที่เขาเน้นหาข้อมูลจากทางซีกด้านขวามือจริงๆ จะเห็นว่า Google Adwords เหมาะกับการโฆษณายิงไปยังต่างประเทศมากกว่า   
ใน บทนี้จะพูดถึงเสิร์ชเอนจิ้น ( Search Engine  ) และเป็นเสิร์ชเอนจิ้นของกูเกิ้ลโดยเฉพาะ เหตุที่ใช้ของกูเกิ้ล เพราะมีจำนวนผู้ใช้ทั่วโลกนิยมใช้มากที่สุด จึงยึดเป็นต้นแบบที่ดีได้ ในเรื่องของเสิร์ชเอนจิ้นแล้ว ถ้าพิจารณาดูจากหน้าคอมพิวเตอร์ออนไลน์ คุณเสิร์ชหรือค้นหาข้อมูลสักคีย์เวิร์ดในกูเกิ้ล เช่น คำว่า " กาแฟ  " ที่หน้าจอมอนิเตอร์ของคุณจะมีข้อมูลขึ้นมาจากผลการเสิร์ชหรือค้นหา ซึ่งข้อมูลในหน้านี้ถ้าสังเกตดีๆ จะมี 2 ส่วน คือ ด้านซ้าย ( ซึ่งจะมีข้อมูลอยู่ประมาณ 10 เนื้อหา ) และด้านขวามือจะเป็นข้อมูลผู้สนับสนุน ซึ่งก็คือโฆษณา Adwords ของกูเกิ้ลนั่นเอง ประเภทนี้เสียเงินเป็นคลิกหรือ Pay Per Click ( PPC )  ข้อมูลด้านซ้ายมือหรือเสิร์ชเอนจิ้นด้านซ้ายมือ ซึ่งเรียกว่าเสริชแบบธรรมชาติ ( Natural  Search ) ข้อมูลที่ขึ้นในส่วนด้านซ้ายมือนี้เป็นบริการฟรีๆจากกูเกิ้ลไม่ต้องเสียเงิน เหมือนด้านขวามือ แต่จะแข่งขันกันในเรื่องของข้อมูล ข้อมูลใครดีกว่าเหนือกว่า ก็จะถูกจัดอันดับไว้อันดับต้นๆ ซึ่งจะได้เปรียบมากในเรื่องของคนเข้าสู่เว็บไซต์จะมากขึ้นกว่าอยู่อันดับรอง ลงไป แต่ถึงแม้จะอยู่อันดับหนึ่งหรืออันดับต้นๆก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะมีคนเข้ามาคลิ กมาก ยังขึ้นอยู่กับเทคนิคอีกทีหนึ่ง

 Cr. http://archive.wunjun.com/minimestore/9/92.html

Google AdSense ??

Google AdSense คือบริการจาก Google ที่ให้ผู้ที่มีเว็บไซต์ สามารถหารายได้โดยการนำ Code ที่ได้จากการสมัครเป็นสมาชิกของ Google มาใส่ไว้ที่เว็บไซต์ของตนเอง ซึ่ง Code นั้นจะเป็น โฆษณาที่ส่งมาจาก Google โดยโฆษณานั้น ๆ จะเป็นโฆษณาที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับเนื้อหาของเว็บไซต์ของคุณ ตัวอย่างเช่นถ้าเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว โฆษณาที่ส่งมาจาก Google ก็อาจเป็นเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับ โรงแรม,สายการบิน เป็นต้น
โฆษณาที่ส่งมาจาก Google นั้น ๆ มีทั้งแบบ Text ,รูปภาพ และมีหลายขนาด ให้คุณได้เลือก นอกจากนั้นยังสามารถเลือกรูปแบบสีได้ตามความต้องการ เพื่อความเหมาะสมกับเว็บไซต์ของคุณ
แล้วโฆษณาต่าง ๆ เหล่านั้นมาจากไหน ??? หลายคงอาจสงสัย โฆษณาต่าง ๆ เหล่านั้นมาจากการทำ Google Adwords ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริการของ Google ที่ให้ผู้ประกอบการต่าง ๆ ที่ต้องการขายสินค้าหรือบริการต่าง ๆ โฆษณาสินค้าของตนเอง ผ่าน Search Engine ของ google รวมถึงเว็บไซต์อื่นๆ ที่นำ Google Adsense ไปติด เพื่อให้โฆษณาของตนเองอยู่ในตำแหน่งที่เด่น (เมื่อ Search ใน Google) กว่าข้อมูลอื่นที่ได้ผลลัพท์จากการค้นหา
รายได้จาก Google AdSense จะเกิดตอนไหน
จะมีอยู่ 2 กรณีครับคือ
จ่ายเมื่อคลิก (Pay Per Click)
เมื่อคนที่เข้าชมเว็บไซต์ของคุณ คลิกที่โฆษณาของ Google AdSense ซึ่งแต่ละคลิกจะได้ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับผู้ที่ทำ Google Adwords จ่ายให้ Google มากน้อยเท่าไร ถ้าจ่ายให้มากคุณก็จะได้มากด้วยเช่นกัน
จ่ายเมื่อแสดงโฆษณา (Pay Per Impression)
อันนี้จะจ่ายให้คุณเมื่อมีการแสดงโฆษณา ครบ 1,000 ครั้ง โดยไม่นับว่าจะมีคนคลิกกี่ครั้งก็ตาม คุณจะไม่ได้รายได้จากการคลิก
นอกจากโฆษณาต่าง ๆ แล้ว การแนะนำ บริการต่าง ๆ ของ Gogle เมื่อมีคนใช้บริการ คุณก็จะมีรายได้จากการแนะนำนั้นด้วยซึ่งมีอยู่ดังต่อไปนี้

Google AdSense • ค่าตอบแทน $5 หากมีผู้ที่สมัคร Google Adsense ผ่าน Referral ของคุณและได้ $5 ภายใน 180 วัน
• ค่าตอบแทน $250 หากภายใน 180 วันถ้าผู้ที่สมัคร Google Adsense ผ่าน Referral ของคุณสามารถทำได้ $100 โดยผู้ที่สมัครต่อจากคุณต้องกรอก PIN ก่อนคุณถึงจะได้รับค่าตอบแทน
• ค่าตอบแทน $2,000 หากคุณมี 25 คนที่สมัครต่อจากคุณภายในระยะเวลา 180 วัน ที่สามารถทำได้มากกว่า $100 คุณจะได้รับโบนัสเพิ่มทันที (โบนัสจะได้รับ 1 ครั้ง/ปี)

Google AdWords • ค่าตอบแทน $5 หากมีผู้ที่สนในลงโฆษณากับ Google Adwords ผ่าน Referred ของคุณและชำระค่าบริการ $5
• ค่าตอบแทน $40 หากผู้ที่ลงโฆษณากับ Google Adwords ใช้บริการโฆษณาและชำระค่าบริการ $100 ภายใน 90 วัน
• ค่าตอบแทน $600 หากมีผู้สมัครผ่านคุณ 25 คนที่ลงโฆษณากับ Google Adwords โดยผู้ที่โฆษณาใครก็ตามที่ชำระค่าบริการมากกว่า $100 ภายใน 90 วัน คุณจะได้รับโบนัสเพิ่มทันที (โบนัสจะได้รับ 1 ครั้ง/ปี


Firefox คุณจะได้ 1$ เมื่อมีคนดาวน์โหลด Firefox จากเว็บของคุณ แต่ผู้ดาวน์โหลดนั้น ๆ ต้องไม่เคยติดตั้ง Firefox มาก่อน (แต่อย่างไรผมก็ได้แค่ 10 เซ็นต์ ทำไมเป็นแบบนั้น ???)

AdSense for searchคุณจะได้เงินมีคนมาใช้ Googel Search Box จากเว็บของคุณ แล้วคลิกโฆษณาผลลัพท์ที่ได้จากการ Search นั้น ๆ (เว็บไซต์ที่ อยู่ในตำแหน่งสปอนเซอร์ จะอยู่ด้านบน เป็นกรอบที่เด่นชัด) ค่าตอบแทนจะได้มากหรือน้อยขึ้นอยุ่กับ Keyword ที่ผู้ใช้ค้นหา ซึ่งจะไม่เท่ากัน

Google Apps
Google Apps คือระบบที่เหมาะสำหรับองค์กรธุรกิจ โรงเรียน มหาวิทยาลัย ซึ่งในระบบจะมีบริการต่างๆที่สมาชิกในกลุ่มใช้ได้ เช่น อีเมลล์ ระบบการการสนทนาผ่าน Instant Massaging ระบบปฎิทิน ที่ทุกคนสามารถเข้าไปใช่ร่วมกันได้ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างภายในสมาชิก ระบบทั้งหมด Google เป็นผู้ให้บริการ โดยที่คุณไม่ต้องลงทุนอุปกรณ์และค่าซอฟท์แวร์แต่อย่างใด รวมถึงไม่ต้องเสียค่าบำรุงรักษา

คุณจะได้รับ $5 จากที่มีผู้สนใจคลิกโฆษณา Google Apps ผ่านเว็บไซด์ของคุณและได้ทำการลงทะเบียนอย่างเสร็จสมบูณณ์ อย่างไรก็ตามหากผู้ที่สนใจไม่ได้สมัคร Google Apps ทันทีก็ตามระบบจะเก็บขอมูลการคลิกโฆษณา Google Apps จากเว็บไซด์ของคุณต่ออีกเป็นเวลา 4 สัปดาห์ นั่นหมายถึงเขาอาจจะสมัครหลังจากนั้นก็ได้ แล้วคุณก็ยังได้รับรายได้อยู่

Google Checkout
Google Checkout คือระบบการจับจ่ายซื้อสินค้าที่สะดวก ปลอดภัยและรวดเร็ว ด้วยระบบการรับชำระของ Google Checkout คุณสามารถทำรายการสั่งซื้อและจ่ายค่าสินค้าตลอดจนตรวจสอบรายการ การสั่งซื้อหรือการจ่ายค่าสินค้าได้ด้วยตัวเองผ่านหน้าเว็บไซด์

คุณจะได้รับ $1 ถ้ามีผู้ที่สมัครบัญชี Google Checkout ผ่านการแนะนำจากเว็บไซด์ของคุณ และได้ทำรายการสั่งซื้อสินค้าภายใน 90 วันและรายการทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์จนการชำระค่าสินค้าเสร็จสิ้น โดยมูลค่าของสินค้าต้องมีมูลค่า $10 ขึ้นไป ก่อนที่รวมภาษีและค่าขนส่ง ภายใน 7 วัน

 Cr.http://www.makemoney.bcoms.net/content/guide.asp